วันศุกร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

กำเนิดตัวละครในเรื่องรามเกียรติ์

กำเนิดตัวละครในเรื่องรามเกียรติ์


พระราม
พระลักษมณ์
นางสีดา
ท้าวทศรถแห่งกรุงศรีอยุธยาปกครองบ้านเมืองมานานยังไม่มีโอรสแลธิดาเลย จึงมีพระดำริว่าจะหาคนลงมาเกิดเพื่อปราบพวกยักษ์ เพราะโลกกำลังเข้าขั้นกลียุค จึงไปปรึกษากับเหล่าฤาษีทั้งหลาย ฤาษีจึงมีความเห็นว่าผู้ที่จะมาเกิด ควรจะเป็นพระนารายณ์เท่านั้น จึงขึ้นไปเข้าเฝ้าพระอิศวรขอให้พระนารายณ์อวตารลงมา พระนารายณ์ก็มา พร้อมด้วยเทวดาทั้งหลายที่อาสาลงมาช่วยพระนารายณ์ปราบยักษ์ด้วย ดังนี้
“พระราหูฤทธิ์ไกรไชยชาญ เป็นทหารชื่อนิลปานัน
พระพินายนั้นเป็นนิลเอก พระพิเนกนั้นเป็นนิลขัน
พระเกตุเป็นเสนีกุมิตัน พระอังคารเป็นวิสันตราวี
พระหิมพานต์จะเป็นโกมุท พระสมุทรนิลราชกระบี่ศรี
พระเพลิงเป็นนิลนนมนตรี พระเสารีเป็นนิลพานร
พระสุกรเป็นนิลปาสัน พระหัศนั้นเป็นมาลุนทเกสร
พระพุธเป็นสุรเสนฤทธิรอน พระจันทรเป็นสัตพลี
วิฬูรหกวิรูปักษ์สองตระกูล เป็นเกยูรมายูรกระบี่ศรี
เทวันวานรนอกนี้ บัญชีเจ็ดสมุดตราฯ”

พระอิศวรอนุญาตและประทานพรว่าเมื่อถูกฆ่าตายแล้วพระพายพัดมาเมื่อไรจงฟื้นคืนชีวิตดังเดิม
ต่อมาฤาษีก็จัดทำพิธี ฤาษีทุกองค์สำรวมจิตอ่านพระเวทมนตร์พร้อมกัน จนกระทั่งเวลาผ่านไปถึงสามราตรีก็บันดาลให้พระธรณีเลื่อนลั่นบังเกิดเพลิงควันพลุ่งแสงสว่างรุ่งโรจน์ บัดเดี๋ยวก็มีอสูรทูนถาดข้าวทิพย์ขึ้นมาจากกองไฟ ในถาดมีข้าวทิพย์สี่ก้อน
กล่าวถึงนางมณโฑอยู่ในปราสาทได้กลิ่นข้าวทิพย์ก็อยากกิน นางกากนาสูรจึงแปลงกายเป็นนางกาตัวใหญ่ไปโฉบเอามาได้ครึ่งปั้น ส่วนที่เหลืออีกสามปั้นครึ่งนั้น พระมเหสีของท้าวทศรถคือ พระนางเกาสุริยา พระนางไกยเกษี พระนางสมุทรเมวีก็เสวยไป ก็ทรงครรภ์ขึ้น
ต่อมามเหสีทั้งสามก็ให้กำเนิดพระโอรส โดยพระนางเกาสุริยาประสูติพระจักราพระวรกายเขียวดังกับนิลมณี พระนางไกยเกษีประสูติพระโอรสพระวรกายดั่งสีทับทิม พระนางสมุทรเทวีประสูติพระโอรสพระวรกายสีเหลืองคล้ายทาทอง และต่อมาก็ประสูติพระวรกายสีม่วง
ท้าวทศรถดีใจมาก และได้ให้ชื่อลูกโดยให้พระเชษฐาคือพระนารายณ์อวตารพระนามว่า พระราม จักรหรือน้องให้พระนามว่า พระพรต บัลลังก์กับสังข์ทรงพระนามว่า พระลักษมณ์ ศทาวุธให้พระนามว่า พระสัตรุด
กล่าวถึงนางมณโฑตั้งแต่ได้เสวยข้าวทิพย์ครรภ์ก็เจริญทุกที ครั้นคลอดออกมาก็ได้พระธิดางดงามยิ่ง นางนั้นร้องขึ้นสามครั้งว่า ผลาญยักษ์ ๆ ๆ แต่ทศกัณฐ์และนางมณโฑไม่ได้ยิน เมื่อเกิดมาทศกัณฐ์ก็ให้พิเภกทำนายดวงชะตา พิเภกทำนายว่าพระธิดานี้จะฆ่าพ่อแม่ ทำให้บ้านเมืองล่มจม จึงให้เอาในส่ผอบไปลอยน้ำ เมื่อถึงน้ำด้วยอำนาจแห่งพระลักษมีก็ปรากฏดอกบัวผุดมารองรับที่ท่าน้ำมุนี ซึ่งที่ท่าน้ำนี้มีฤาษีชนกมาสรงน้ำเป็นประจำ ก็ได้มาเห็นผอบและเห็นทารกอยู่ก็เก็บมาเลี้ยง แต่ก็คิดว่าถ้าเลี้ยงไว้ก็เป็นอุปสรรคต่อการบำเพ็ญพรต จึงนำไปฝากให้เหล่าเทพยดารักษ์ให้เลี้ยงรักษาที่ใต้ต้นไทร
ต่อมาฤาษีชนกบำเพ็ญเพียรนานเข้าไม่สำเร็จก็เกิดความเบื่อหน่ายจึงคิดจะกลับไปครองราชสมบัติจึงมาขุดเอาพระธิดาไปเป็นลูก เมื่อพบแล้วก็ดีใจยิ่ง จึงให้ลูกชื่อว่า นางสีดา
สุครีพ
ขอกล่าวถึงฤาษีองค์หนึ่งชื่อโคดม เดิมทีเดียวฤาษีองค์นี้เป็นกษัตริย์ครองเมอืงสาเกตรู้สึกเบื่อหน่ายในราชสมบัติจึงออกบำเพ็ญตบะอยู่ในป่าถึงสองพันปี จนหนวดยาวเหมือนหญ้าออกมาปกคลุม นกก็เข้ามาทำรัง วันหนึ่งนกตัวผู้ออกหากินแล้วเกิดไปหากินในดอกบัว และดอกบัวหุบขังนกตัวนั้นเอาไว้ นกตัวเมียที่อยู่ในรังก็สงสัยว่าผัวตนหายไปนาน จึงคิดว่าผัวนอกใจ เช้ามาเมื่อผัวกลับมาแล้ว ก็บอกเมียว่าไม่ได้นอกใจแต่นกตัวเมียไม่ยอมเชื่อ นกตัวผู้จึงบอกว่า ถ้าตนนอกใจจริงขอให้บาปทั้งหมดของฤาษีโคดมตกที่ตัว ฤาษีโคดมได้ฟังดังนั้นก็สงสัยว่าตนอุตส่าห์บำเพ็ญเพียรมาตั้งสองพันปี จะมีบาปได้อย่างไร นกจึงบอกว่าฤาษีมีบาปคือไม่ยอมมีลูกเมียคอยสืบบัลลังก์
ดังนั้น ฤาษีโคดมจึงภาวนาเสกนางขึ้นกลางไฟ และให้ชื่อนางนั้นว่า กาลอัจนา ฤาษีมีลูกกับนางกาลอัจนา คือ นางสวาหะ
วันหนึ่งฤาษีโคดมออกไปหาผลไม้ในป่า พระอินทร์คิดจะหาคนช่วยพระนารายณ์อวตารปราบทศกัณฐ์ให้ได้ จึงคิดจะไปมีลูกกับนางกาลอัจนา เพื่อที่จะได้ไปช่วยพระนารายณ์รบกับทศกัณฐ์ ดังนั้นพระอินทร์จึงลงมาเกี้ยวพาราสีนางกาลอัจนา จนนางกาลอัจนาหลง และเมื่อพระอินทร์ลูบหลังนาง นางก็ตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตรชายมีกายสีเขียวอ่อน ฤาษีโคดมนึกว่าลูกตนก็รักยิ่งกว่านางสวาหะ
ต่อมาฤาษีโคดมออกป่าอีก พระอาทิตย์กำลังแผดแสงแรงกล้า นางอัจนาเห็นพระอาทิตย์ก็เกิดรักใคร่ พระอาทิตย์ทราบ และคิดจะช่วยพระนารายณ์ปราบทศกัณฐ์เช่นกัน จึงลงมาสมสู่กับนางกาลอัจนา จนเกิดเป็นลูกชายกายสีแดงเหมือนพระอาทิตย์ ฤาษีโคดมนึกว่าเป็นลูกตนก็เกิดความรักใคร่มากไปอีก
วันหนึ่งฤาษีโคดมจะไปอาบน้ำได้อุ้มลูกอันเกิดจากพระอาทิตย์ไว้ที่สะเอว ลูกที่เกิดจากพระอินทร์ขี่หลังส่วนลูกของตนจูงมือ นางสวาหะเห็นก็น้อยใจ จึงพูดว่า ทีลูกคนอื่นอุ้มบ้าง ขี่หลังบ้าง ทีลูกตัวเองหนอให้เดิน ฤาษีโคดมได้ยินก็สงสัย จึงถามความจริง เมื่อทราบเรื่องทั้งหมดจึงลองพิสูจน์ดู โดยโยนลูกทั้งสามลงไปในน้ำแล้วอธิษฐานว่าถ้าเป็นลูกของตนให้ว่ายน้ำกลับมา แต่ถ้าเป็นลูกคนอื่นให้กลายเป็นลิงและหายเข้าป่าไป ปรากฏว่า นางสวาหะว่ายน้ำกลับมา และโอรสทั้งสองก็กลายเป็นลิงค่างและหายเข้าป่าไป ฤาษีเห็นดังนั้น ก็โกรธนางกาลอัจนามาก จึงได้สาปแช่งให้นางกลายเป็นหิน ส่วนนางกาลอัจนาทราบว่าลูกสาวตนเป็นคนบอกความจริงแก่ฤาษีก็โกรธจึงสาปแช่งให้นางสวาหะไปยืนอ้าปากตีนเดียวเหนี่ยวกินลมที่เชิงเขาจักรวาล ต่อเมื่อมีลูกเป็นลิงที่มีฤทธิ์เลิศกว่าลิงทั้งหลายแล้วจึงจะพ้นคำสาป
ฝ่ายพระอินทร์และพระอาทิตย์เห็นลูกตนตกระกำลำบากก็หาทางช่วยเหลือ โดยสร้างเมืองให้ครอง ชื่อว่า เมืองขีดขิน ตั้งชื่อลูกพระอินทร์ว่า พระยากากาศ ตั้งชื่อลูกพระอาทิตย์ว่า สุครีพ พร้อมทั้งสอนวิชาเวทมนตร์ให้
คราวนี้ขอกล่าวถึงเมืองชมพู ท้าวมหาชมพูเป็นเจ้าพระนคร มีพระมเหสีนามแก้วอุดร แต่ไม่มีโอรสและธิดา พระอิศวรจึงประทานลูกพระกาฬชื่อนิลพัทธ์มาให้ ท้าวชมพูนี้ทรงศักดาวราฤทธิ์มากไม่ยอมไหว้ใครนอกจากพระนารายณ์กับพระอิศวรเท่านั้น ท้าวมหาชมพูเป็นสหายกับพระยากากาศ ไปเยี่ยมเยียนำปมาหาสู่กันเสมอ
หนุมาน
ฝ่ายพระอิศวรเห็นนางสวาหะยืนอ้าปากกินลมก็สงสารจึงสั่งองค์พระพายเอาเทพอาวุธและกำลังกายของพระองค์ซัดเข้าปากของนางสวาหะ ให้เกิดลูกเป็นกระบี่ มีกระบองเพชรเป็นสันหลังตลอดหาง ตรีเพชรเป็นตัว เป็นมือ เป็นตีน จักรแก้วเป็นเศียร หากจะต่อสู้กับใครก็ชักเอาตรีเพชรที่อกออกมาสู้ได้ เวลาที่ลูกกระบี่นี้คลอดนั้น ได้คลอดออกมาทางปากของนางสวาหะ เผือกผ่องทั้งกาย ตัวใหญ่ ออกมาแล้วก็เหาะขึ้นไปบนฟากฟ้าลอยอยู่หน้าพระชนนี มีรัศมีโชติช่วง มีกุณฑล เขี้ยวแก้ว ขนเพชร หาวเป็นดาวเป็นเดือน มีแปดมือสี่หน้า พระพายให้ชื่อลูกว่า หนุมาน
พระพายได้บอกหนุมานว่า กุณฑลขนเพชรนั้นหากมีผู้ใดเห็นมาทักทาย ท่านนั้นคือพระนารายณ์อวตารมาเพื่อปราบยักษ์ จงสวามิภักดิ์ด้วย หนุมานก็รับคำแล้วร่อนเร่ออกไปเรื่อย ๆ ฝ่ายพระพายเห็นว่าหนุมานยังไม่ฝากตนกับใครจึงพาไปเฝ้าพระอิศวร หนุมานเรียนวิชากับพระอิศวรจนชำนาญ พระอิศวรจึงมีดำริว่าพระยากากาศกับสุครีพ ไม่มีลูกเมียจึงจะส่งหนุมานกับชมพูพานไปอยู่เมืองขีดขิน หนุมานและชมพูพานจึงได้ไปอยู่เมืองขีดขิน
ทศกัณฐ์
กล่าวถึงยักษ์ตนหนึ่งชื่อนนทก มีหน้าที่ล้างเท้าเทวดาอยู่ที่บันไดเขาไกรลาส เวลาเทวดามาเฝ้าพระอิศวร นนทกจะเป็นผู้ล้างเท้าให้ ระหว่างที่นนทกล้างเท้า เทวดาพิเรนบางองค์มืออยู่ไม่สุขเอามือลูบหัวเล่นบ้าง ลูบหน้าเล่นบ้าง บ้างก็ถอนผมนนทกเล่น นานเข้าผมบนหัวนนทกก็บางลงทุกที ในที่สุดก็โกร๋นเกลี้ยง นนทกมองดูเงาตัวเองในน้ำ ครั้งแรกตกใจ แทบไม่เชื่อ แต่แล้วก็ต้องแค้นใจเทวดาจนต้องร้องไห้ ยิ่งคิดไปยิ่งมองไปก็ยิ่งเพิ่มความแค้นหนักขึ้น นนทกจึงรีบไปเฝ้าพระอิศวร เมื่อถึงก็ทูลว่า
“ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นปิ่นโลก พระองค์ย่อมมีพระทัยเมตตาปรานีทั่วหน้า ผู้ใดทำชอบก็ทรงโปรดประทานความดีความชอบ ตัวข้าเองก็ได้กระทำความดีต่อพระองค์โดยมีหน้าที่ล้างเท้าเทวดามาถึงโกฏิปีแล้วมิได้มีความผิดแต่อย่างใด แต่ก็ช่างเป็นการประหลาดแท้ที่พระองค์มิได้ประทานยศศักดิ์แม้แต่น้อยแต่ข้า ไม่ทราบว่าข้าได้ทำกรรมสิ่งใดไว้ มันช่างน่าน้อยใจยิ่งนัก”
ทูลแล้วนนทกก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่แทบพระบาท
พระอิศวรเห็นนนทกร้องไห้ก็ทรงมีเมตตาจึงตรัสว่า
“อย่าร้องไห้ไปเลยวะเจ้านนทก เอ็งอยากได้อะไรบอกกูจะให้”
ได้ยินดังนั้นนนทกก็หยุดร้องไห้ทันที ก้มเกล้าแล้วถวายบังคมทูลว่า
“ข้าขอนิ้วเป็นเพชร มีฤทธิ์เดชชี้ไปที่ใครขอให้ตาย”
“ตกลงกูให้มึง”
เมื่อได้นิ้วเพชรแล้วนนทกก็ออกจากที่เฝ้า ในใจคิดแค้นเทวดากรุ่นอยู่ เดินมาจนถึงบันไดเขาไกรลาสอันเป็นที่ที่ตนคอยล้างเท้าเทวดาอยู่ ฝ่ายเทวดาพอได้เวลาต่างก็มาเฝ้าพระอิศวร มาถึง
นนทกก็ล้างเท้าให้เหมือนแต่ก่อน เทวดาไม่รู้ว่านนทกมีนิ้วเพชร พอนนทกล้างเท้าก็เอามือดึงผม เทวดาองค์อื่นเห็นเข้าก็พากันหัวเราะขบขัน นนทกคอยการกระทำอยู่แล้ว พอเทวดาพิเรนถอนผมและเทวดาอื่นพากันหัวเราะเยาะเย้ยนนทกก็ลุกพรวดพราดขึ้นร้องตวาดก้อง
“เหม่ เหม่ ไอ้พวกเทวดาใจทราม หัวกูเป็นอย่างไรหรือพวกมึงจึงชอบถอนเล่นกันนัก ทำไมหัวพวกมึงจึงไม่ถอนกันบ้าง ทำอย่างนี้หมิ่นกันเหลือเกิน วันนี้แหละจะได้เห็นฤทธิ์กูเสียบ้าง”
ว่าดังนั้นแล้วนนทกก็เอานิ้วเพชรชี้ไปที่เทวดาพิเรน เทวดาก็ตายอยู่กับที่ เทวดาอื่นเห็นเข้าก็กลัวพยายามจะหนี แต่นนทกไม่ยอมให้หนีไปได้ เอานิ้วชี้เสียตายเรียบหมด เทวดาองค์อื่นที่ไกลอยู่ออกไปเห็นท่าไม่ดีจึงพากันไปเข้าเฝ้าพระอิศวร พระอิศวรจึงให้พระนารายณ์ไปปราบนนทก พระนารายณ์แปลงโฉมเป็นนางเทพอัปสรดักอยู่ทางที่นนทกจะผ่าน ฝ่ายนนทกเดินผ่านมาเห็นก็ดีใจยิ่งนักจึงเกี้ยวพาราสีต่าง ๆ นานา ฝ่ายนางเทพอัปสรแปลงก็ทำทีบอกให้นนทกร่ายรำตามตนำปทุกท่าแล้วจะยินดีผูกมิตรด้วย นนทกก็ทำตาม จนกระทั้งถึงท่านาคาม้วนหางนิ้วเพชรของนนทกชี้ไปที่ขาของตัวเอง ขานนทกก็หักลงทันใด นนทกล้มลง ทันใดนั้น นางแปลง็กลายเป็นพระนารายณ์เหยียบอกนนทกไว้ ก่อนจะฆ่านนทก พระนารายณ์ได้ท้าให้นนทกไปเกิดใหม่มีสิบเศียรสิบพักตร์ยี่สิบมือ เหาะเหินเดินอากาศได้ มีอาวุธทั้งกระบองและธนู ส่วนพระนารายณ์จะไปเกิดเป็นมนุษย์มีสองมือตามไปฆ่านนทกให้ได้ นนทกพอวิญญาณหลุดจากร่างก็ไปจุติในครรภ์พระนางรัชดามเหสีท้าวลัสเตียน เกิดมาเป็นโอรสนามว่า ทศกัณฐ์ มีสิบเศียร ยี่สิบมือ ต่อมาอีกไม่นานก็มีโอรสอีกองค์หนึ่งชื่อ กุมภกรรณ
กำเนิดอินทรชิต
อินทรชิต
ทศกัณฐ์มีเมียหลายคน และมีลูกหลายคนด้วย ลูกที่เกิดจากนางมณโฑนั้น มีชื่อว่ารณพักตร รณพักตรมีสันดานหยาบเหมือนพ่อ อยากเรียนวิชาให้เก่งกล้าจึงไปเรียนกับฤาษีโคบุตรอาจารย์ของทศกัณฐ์ ฤาษีเห็นว่าปัญญาดีจึงให้เรียนมหากาฬอัคคี รณพักตรก็บำเพ็ญเพียรเรียนจนครบเจ็ดปี ร้อนถึงพระอิศวร พระพรหม พระนารายณ์ ทั้งสามพระองค์จึงลงมาถามถึงความต้องการในการบำเพ็ญเพียรครั้งนี้ของรณพักตร รณพักตรอยากได้ศร พระอิศวรจึงประทานศรพรหมาศ พระพรหมประทานศรนาคบาศและพระเวทสำหรับแปลงกายเป็นพระอินทร์ พร้อมกับประทานพรว่าเวลาตายให้ตายบนอากาศ อย่าให้ตายบนดิน ถ้าเศียรขาดตกลงมาบนดินให้เกิดไฟประลัยกัลป์ ต้องใช้พานแก้วทิพย์ของพระพรหมมารองรับ พระนารายณ์ประทานศรวิษณุปาณัม
เมื่อได้ศรทั้งสามก็ดีใจ จึงหาเรื่องรุกรานคนอื่น โดยรณพักตรได้จัดกองทัพไปรบกับพระอินทร์และสามารถเอาชนะได้ ทศกัณฐ์ดีใจยิ่งนักจึงให้นามใหม่แก่รณพักตรว่า อินทรชิต
กำเนิดพิเภก
พิเภก

ฝ่ายพระอิศวรนั้น เมื่อทราบว่านนทกลงไปเกิดเป็นทศกัณฐ์ ลูกท้าวลัสเตียนในกรุงลงกา กิตติศัพท์ร้ายกาจนัก โลกพากันเดือดร้อนวุ่นวาย ไม่มีผู้ใดปราบได้ พระนารายณ์จะอวตารลงไปปราบมัน แต่พวกมันก็เก่งกล้าสามารถมาก ถ้าไม่ส่งคนลงไปเป็นไส้ศึก พระนารายณ์เห็นจะปราบมันยาก จึงให้เวสสุญาณเทพบุตรลงไปเกิดในท้องพระนางรัชดา โดยให้เรียนโหราวิชาไสยคอยท่าพระนารายณ์อยู่ โดยประทานแว่นวิเศษไปด้วย เวสสุญาณเทพบุตรก็ลงมาจุติตามพระบัญชา ท้าวลัสเตียนให้ชื่อลูกว่า พิเภก พิเภกมีปัญญาฉลาดหลักแหลมนั

เรื่องย่อรามเกียรติ์

เรื่องย่อรามเกียรติ์
นนทุก-ทศกัณฐ์
พระนารายณ์-พระราม
เรื่องย่อรามเกียรติ์
เนื้อเรื่องตอนที่ 1 
เป็นการเล่าแนะนำตัวละครสำคัญทุกพงศ์ คือกำเนิดตัวละคร แล้วดำเนินเรื่องตามลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เช่น กล่าวถึงเรื่องหิรันต์ยักษ์ม้วนแผ่นดิน จนพระนารายณ์อวตารลงไปปราบ แล้วกล่าวถึงราชวงศ์มนุษย์ อสูรพงศ์ และวานรพงศ์ ราชวงศ์มนุษย์ มีท้าวอโนมาตัน เป็นปฐมกษัตริย์แห่งกรุงอโยธยา อภิเษกกับนางมณีเกสร มีโอรสชื่อท้าวอัชบาล ได้รับมอบราชสมบัติสืบต่อมา และได้อภิเษกกับนางอัปสร มีโอรสชื่อท้าวทศรถ อสูรพงศ์ มีท้าวสหบดีพรหมสร้างเมืองลงกา แล้วให้ท้าวธาดาพรหม
หรือท้าวจตุพักตร์ไปครองเมืองลงกา และได้อภิเษกกับนางมลิกา ต่อมามีโอรสชื่อท้าวลัสเตียนได้รับมอบราชสมบัติสืบต่อมา ท้าวลัสเตียนมีมเหสี 5 พระองค์ มีโอรสที่เกิดจากมเหสีแต่ละองค์คือ กุเปรัน เป็นโอรสที่เกิดจากนางศรีสุนันทา ทัพนาสูรเป็นโอรสที่เกิดจากนางจิตรมาลา อัศธาดาเป็นโอรสที่เกิดจากนางสุวรรณมาลัย มารันเป็นโอรสที่เกิดจากนางวรประไภ ส่วนนางรัชฎามเหสีองค์ที่ 5 กำเนิดโอรสธิดารวม 7 พระองค์คือ ทศกัณฐ์ กุมภกรรณ พิเภก ขร ทูษณ์ ตรีเศียร และนางสำมนักขา ตามลำดับ ส่วนวานรพงศ์ได้กล่าวถึงกำเนิดของพาลี ว่าเป็นลูกของพระอินทร์กับนางกาลอัจนากำเนิดของสุครีพ ว่าเป็นลูกของพระอาทิตย์กับนาง กาลอัจนา หนุมานเป็นลูกของพระพายกับนางสวาหะ นางสวาหะเป็นบุตรีของฤาษีโคดมกับนางกาลอัจนา
ชมพูพาน ซึ่งพระอิศวรชุบด้วยเหงื่อไคลของพระองค์ และกล่าวถึงกำเนิดของนางมณโฑที่ฤาษีทั้ง 4 ตน ได้ชุบมาจากกบ และองคต ซึ่งเป็นลูกของพาลีกับนางมณโฑ


นอกจากนั้นยังกล่าวถึง เรื่องของนนทุก (ชาติก่อนของทศกัณฐ์) ว่าเป็นผู้มีหน้าที่ล้างเท้าเทวดา นนทุกเจ็บใจเทวดาทั้งหลาย
ที่ชอบข่มแหง แกล้งตบหัว ลูบหน้า ถอนผมจนโกร๋น จึงขอพระอิศวรให้มีนิ้วเพชรชี้ผู้ใดผู้นั้นตาย ต่อมาเมื่อนนทุกล้างเท้าให้ใคร และถูกล้อเลียน นนทุกก็ชี้ด้วยนิ้วเพชร ทำให้เทวดาตายเป็นอันมาก พระนารายณ์จึงอวตารเป็นนางฟ้าไปปราบนนทุก ล่อให้นนทุกรำตาม (ที่มาของรำแม่บท) จนนิ้วเพชรชี้ขาตนเองขาดล้มลง นางฟ้าจึงกลับเป็นพระนารายณ์ใช้ตรีตัดหัวนนทุกขาด ก่อนตายนนทุกต่อว่าพระนารายณ์ว่าเอาเปรียบตนเพราะมีถึงสี่มือ แต่ตนมีเพียงสองมือจะสู้พระนารายณ์ได้อย่างไร พระนารายณ์จึงสาปให้นนทุกไปเกิดใหม่มีสิบหน้ายี่สิบมือ แล้วพระองค์จะเป็นมนุษย์สองมือลงไปสังหาร อีกเรื่องหนึ่งคือเรื่องเทวดาจับระบำมีรามสูรเมขลาเข้ามาไล่กัน ขณะที่รามสูรขว้างขวานไล่นางเมขลา มีเทวดาชื่ออรชุนเข้ามาขัดขวาง จึงถูกรามสูรจับขาของอรชุนฟาดกับเหลี่ยมเขาพระสุเมรุจนอรชุนตาย และทำให้เขาพระสุเมรุเอนทรุด พระอิศวรจึงต้องประกาศหาผู้มาตั้งเขาพระสุเมรุให้ตรง และในคราวนั้นสุครีพออกอุบายทำให้เขาพระสุเมรุตั้งตรงได้ พระอิศวรจึงมอบนางดาราใส่ผอบแก้วให้สุครีพ โดยฝากพาลีไปให้ พาลีสาบานว่าถ้าตนไม่ให้นางแก่สุครีพ ขอให้ต้องศรของพระนารายณ์ แต่พาลีผิดคำสาบาน เกี้ยวนางดาราเป็นเมียตนเสียเอง และเรื่องอีกเรื่องหนึ่งคือเรื่องทรพาทรพี กล่าวถึงนนทกาล ข้าของพระอิศวรไปเกี้ยวนางฟ้าชื่อมาลี จึงถูกพระอิศวรสาปให้เป็นควายป่า เมื่อถูกลูกสังหารจึงจะพ้นคำสาป


เนื้อเรื่องในตอนนี้ ยังกล่าวถึงทศกัณฐ์ได้นางมณโฑ ทศกัณฐ์รบแพ้อรชุนและพาลีถึงสองครั้ง จึงให้ฤาษีโคบุตรช่วยถอดดวงใจ
เก็บรักษาไว้ที่กุฏิกลางป่า ใครมาฆ่าก็ไม่ตาย เป็นเหตุให้ทศกัณฐ์กำเริบ อยากได้บุษบกแก้วของกุเปรันผู้พี่ชาย จึงได้รบกัน กุเปรันสู้ไม่ได้หนีไปหาพระอิศวร พระอิศวรวถอดงาช้างขว้างไปปักอกทศกัณฐ์ และสาปให้ติดอยู่ตลอดไป ต่อมาเมื่อตายแล้วจึงหลุด ทศกัณฐ์ได้ไปหาพระวิษณุกรรมให้ช่วยเลื่อยงาส่วนที่ยื่นออกมา แล้วเนรมิตเครื่องประดับปิดงาที่จมอยู่ในอกนั้น แล้วได้เล่าเรื่องรณพักตร์ ลูกของทศกัณฐ์กับนางมณโฑได้บำเพ็ญตบะ จึงได้ศรสามเล่มจากพระเป็นเจ้าแล้วรบชนะพระอินทร์และได้จักรแก้ว
ของพระอินทร์มายังเมืองลงกา ทศกัณฐ์จึงตั้งชื่อให้ใหม่ว่า อินทรชิต แปลว่าผู้รบชนะพระอินทร์


เนื้อเรื่องตอนที่ 2 
เป็นเรื่องราวของพระรามตั้งแต่ประสูติ จนกระทั่งเสร็จศึกลงกา เริ่มเรื่องตั้งแต่ท้าวทศรถแห่งกรุงอโยธยา มีมเหสีสามองค์ แต่ไม่มีโอรส จึงทำพิธีขอโอรสจากเทวดา โดยเชิญฤาษีกไลโกฎมาเป็นประธาน ในระหว่างทำพิธี มีอมนุษย์เชิญถาดข้าวทิพย์ผุดขึ้นมา
กลางกองไฟในพิธี นางกากนาสูรโฉบไปได้ครึ่งก้อนให้นางมณโฑมเหสีของทศกัณฐ์ นางเสวยแล้วทรงครรภ์คลอดลูกเป็นนางสีดา แต่พิเภกทำนายว่าเป็นกาลกิณีเกิดมาล้างผลาญวงศ์ยักษ์ ทศกัณฐ์จึงเอาไปทิ้งน้ำเสีย พระชนกแห่งเมืองมิถิลาซึ่งทรงผนวชเป็นฤาษี เก็บนางขึ้นใส่ผอบฝังไว้ในดิน ต่อมาจึงขุดขึ้นแล้วเลี้ยงไว้เป็นธิดาบุญธรรม ส่วนมเหสีของท้าวทศรถทั้งสามองค์ เมื่อเสวยข้าวทิพย์ จึงทรงครรภ์และประสูติโอรส คือนางเกาสุริยาประสูติพระราม นางไกยเกษีประสูติพระพรต นางสมุทรชาประสูติพระลักษมณ์และพระสัตรุด ตามลำดับ


เมื่อพระรามมีพระชันษาได้ 16 ปี ได้ไปปราบยักษ์คือกากนาสูร ตามคำขอของพระฤาษี ที่ถูกยักษ์มารังควานจนบำเพ็ญพรตไม่ได้ พระรามพระลักษณ์ฆ่ากากนาสูรตาย ต่อมารีศกับสวาหุลูกของกากนาสูรมาแก้แค้นแทนมารดา สวาหุตาย มารีศหนีไปได้แล้วพระฤาษี
ีจึงพาพระรามและพระลักษณ์ไปเมืองมิถิลา ในขณะนั้นท้าวชนกประกาศเชิญกษัตริย์ทั้งปวงให้ประลองกำลังยกศร พระรามยกได้ จึงได้อภิเษกกับนางสีดาตอนเดินทางกลับอโยธยา พระรามต่อสู้กับรามสูร และพระรามชนะ


ส่วนเรื่องทรพีกล่าวถึงควายทรพีคอยวัดรอยตีนพ่อ ครั้นโตเท่าพ่อแล้วก็ท้าทรพารบและได้ฆ่าพ่อตาย แล้วกล่าวถึงพาลีรบกับทรพีในถ้ำ
จนเลือดไหลออกมาปากถ้ำ สุครีพน้องพาลีเข้าใจว่าพี่ถูกฆ่าตายจึง ปิดปากถ้ำเมื่อพาลีออกจากถ้ำได้ก็โกรธ ขับสุครีพให้ออกจากเมือง สุครีพจึงไปอยู่ป่ากล้วยแห่งเดียวกับที่ หนุมานบำเพ็ญพรตอยู่


ในสมัยที่พระรามเรียนศิลปศาสตร์หัดยิงศร ได้ยิงศรล้อนางกุจจีพี่เลี้ยงหลังค่อมของนางไกยเกษี เป็นเหตุให้นางผูกใจเจ็บ
ทูลยุยงให้นางไกยเกษีของราชสมบัติให้พระพรต และขอให้เนรเทศพระรามออกเดินป่าเป็นเวลา 14 ปี ท้าวทศรถจำต้องปฏิบัติ
ตามคำสัญญาที่เคยให้ไว้กับนางไกยเกษี พระรามจึงต้องออก เดินป่า มีพระลักษมณ์และนางสีดาติดตามไปด้วย ฝ่ายพระพรตและพระสัตรุดอนุชาพระราม ซึ่งอยู่ที่เมืองไกยเกษได้ทราบข่าวว่าพระบิดาจะอภิเษกพระรามเป็นยุพราช จึงเดินทางมาอโยธยาจะช่วยงาน แต่เมื่อได้ทราบความจริงว่าพระรามถูกเนรเทศ และพระบิดาสิ้นพระชนม์ พระพรตโกรธพระมารดามาก เมื่อจัดการพระศพท้าวทศรถแล้วก็ออกตามพระรามกลับมาครองราชย์ แต่พระรามไม่ยอม อ้างว่าต้องการรักษาความสัตย์ของบิดา จึงได้ประทานรองพระบาทหญ้ามาตั้งไว้แทนพระองค์ และพระพรตรักษาเมืองคอยพระราม
จนกว่าจะเสด็จกลับ


พระราม พระลักษณ์ และนางสีดาได้เดินทางต่อไป ได้พบอสูรชื่อพิราพ พระรามรบชนะ เดินป่าต่อไปถึงฝั่งแม่น้ำโคทาวารี นางสำมนักขาน้องสาวทศกัณฐ์ ซึ่งขณะนั้นเศร้าโศกเพราะชิวหาผู้เป็นสามีตายไป ครั้นนางพบพระรามจึงหลงรักอยากได้พระรามเป็นสามี เมื่อไม่สำเร็จจึงรังแกนางสีดา จนพระลักษณ์ต้องตัดตีนมือและเชือดหูจมูกขาด นางจึงไปฟ้องพี่ทั้งสามคือ ทูษณ์ ขร และตรีเศียร ให้มาแก้แค้นแทน แต่ถูกพระรามสังหารตายหมด นางสำมนักขาจึงไปเล่าถึงความงามของนางสีดาให้ทศกัณฐ์ฟัง ทศกัณฐ์ให้
มารีศแปลงเป็นกวางทองมาล่อ นางสีดาอยากได้กวางทองจึงขอให้พระรามออกตามจับ ระหว่างนี้ทศกัณฐ์จึงเข้าลักพานางสีดาไปได้ พระรามพระลักษณ์ออกติดตามพบนกสดายุและอสูรต่าง ๆ จนถึงป่ากล้วยที่หนุมานและสุครีพได้สาบานไว้ พระรามมีบริวารสำคัญที่เป็นลิงหลายตัว นอกจากหนุมานกับสุครีพอยู่ ได้พบหนุมานและสุครีพ ต่างสัญญาว่าจะช่วยเหลือกัน และพระรามได้ฆ่าพาลีตาย สมตามคำที่พาลีได้สาบานไว้ ตอนนี้พระรามมีบริวารสำคัญที่เป็นลิงหลายตัว นอกจากหนุมานกับสุครีพแล้ว ยังมีชมพูพาน นิลพัท องคต ฯลฯ กับพลลิงอีกมากมาย แล้วช่วยกันตามหานางสีดา ฝ่ายหนุมานได้ถวายแหวนของพระราม ขากลับได้ทำลายสวนทศกัณฐ์จนเกิดรบพุ่งกัน ในที่สุดยักษ์จับหนุมานได้ แต่ฆ่าเท่าไรก็ไม่ตาย หนุมานออกอุบายให้เผาตัว ทศกัณฐ์เสียรู้จุดไฟเผาหนุมาน หนุมานจึงเผาลงกาวอดวายสิ้นแล้วหนีรอดมาได้ ทศกัณฐ์ขอให้เทวดาสร้างเมืองลงกาให้ใหม่


ต่อมาทศกัณฐ์ฝันร้าย พิเภกทำนายว่าจะเสียเมืองเสียตัวและเสียวงศ์วานถ้าไม่ส่งสีดาคืน ทศกัณฐ์กริ้วขับพิเภกออกจากลงกา พิเภกจึงออกมาอยู่กับพระรามและทำพิธีถือน้ำถวายสัตย์ ทศกัณฐ์ปลอมเป็นฤาษีมายุให้พระรามระแวงพิเภกกับสุครีพแต่ไม่สำเร็จ ทศกัณฐ์จึงให้เบญกายลูกพิเภกปลอมเป็นสีดาทำตายลอยน้ำมา พระรามลงไปสรงน้ำเห็นเข้าก็เชื่อว่าจริงและเศร้าโศกมาก แต่หนุมานรู้เท่าทัน จึงจับนางไว้ซักถาม ได้นางเป็นเมียแล้วปล่อยไป ต่อมาพระรามให้พลลิงจองถนนข้ามทะเลไปลงกา ขณะที่จองถนนหนุมานได้วิวาทกับนิลพัท จนพระรามต้องส่งนิลพัทไปรักษาเมืองขีดขินและคอยส่งเสบียง แล้วมีเรื่องนางสุพรรณมัจฉาขัดขวางการจองถนน หนุมานลงไปจับตัวและนางเป็นเมีย มีบุตรชื่อมัจฉานุ ต่อมาไมยราพเจ้ากรุงบาดาลนำไปเลี้ยงไว้เป็นบุตรบุญธรรม เมื่อจองถนนเสร็จแล้วพระรามยกพลข้ามไปประชิดลงกา แล้วให้องคตเข้าไปสื่อสารขอสีดาคืน ทศกัณฐ์ให้จับองคต เกิดการต่อสู้กันขึ้นจนยักษ์ตายหลายตน องคตกลับมาได้ ทศกัณฐ์ให้ยกฉัตรแก้วขึ้นบัง ดวงอาทิตย์ทำให้มืดมน แล้วชวนนางมณโฑกับนางสนมกำนัลขึ้นไปอยู่บนฉัตรเพื่อดูกองทัพของพระราม ฝ่ายทหารพระรามมองไม่เห็นแสงอาทิตย์ สุครีพจึงขันอาสาไปหักฉัตร ได้เกิดสู้รบกับทศกัณฐ์ สุครีพชนะ ตอนต่อมากล่าวถึงไมยราพลักพระรามไปเมืองบาดาล แต่หนุมานตามไปช่วยกลับมาได้


ต่อมาจึงกล่าวถึงสงครามลงกา ซึ่งเป็นเรื่องยึดยาว ต่างฝ่ายต่างผลัดกันแพ้และชนะหลายครั้งหลายหน ทศกัณฐ์ได้ญาติมิตรจำนวนมากมาออกต่อสู้กับพระราม สรุปศึกครั้งสำคัญ ๆ ได้ดังนี้คือ


1. ศึกกุมภกรรณ เมื่อกุมภกรรณยกทัพออกมา พิเภกออกไปพูดขอร้องห้ามมิให้รบ กุมภกรรณฟังเหตุผลของพิเภก แต่ด้วยเห็นว่าทศกัณฐ์เป็นพี่ชาย จึงทำตามคำสั่งทศกัณฐ์ สุครีพยกทัพออกมารบ กุมภกรรณจับสุครีพหนีบรักแร้ไป แต่หนุมานไปช่วยหนีกลับมาได้ กุมภกรรณได้รบกับพระลักษมณ์ พระลักษมณ์ถูกหอกโมกขศักดิ์ แต่แก้กันได้ ต่อมากุมภกรรณไปนอนทดน้ำมิให้ไหล เพื่อให้กองทัพพระราม อดน้ำ หนุมานตามไปแก้ได้และเมื่อกุมภกรรณยกมารบอีก จึงถูกพระรามสังหารตาย

2. ศึกอินทรชิต อินทรชิตได้รบกับฝ่ายพระรามหลายครั้ง บางครั้งได้ใช้กลอุบายหลอกฝ่ายพระราม เช่น แปลงเป็นพระอินทร์ขี่ช้างเอราวัณ ให้สุขาจารปลอมเป็นสีดา เอาตัวมาตัดหัวให้พระรามดูกลางสนามรบ และบางครั้งได้ใช้ฝีมือความสามารถต่อสู้กัน ต่างฝ่ายต่างผลัดกันเพลี่ยงพล้ำ และในที่สุดอินทรชิตต้องศรพระรามตาย

3. นอกจากนี้ยังมีสหายญาติมิตรของทศกัณฐ์อีกมากมายที่ช่วยทศกัณฐ์รบ แต่ถูกพระรามสังหาร เช่น สหัสเดชะ ราชาแห่งปางตาล และมูลพลัม อุปราชปางตาล ทั้งสองเป็นสหายทศกัณฐ์ แสงอาทิตย์ลูกพญาขร สัตลุงราชาแห่งจักรวาล ตรีเมฆลูกตรีเศียร สัทธาสูรราชาแห่งอัสดงสหายของทศกัณฐ์ วิรุณจำบังลูกพญาทูษณ์ เมื่อญาติมิตรเหล่านี้ถูกฆ่าตาย ทศกัณฐ์ทำพิธีอุโมงค์ชุบตัวให้เป็นกายสิทธิ์ แต่ไม่สำเร็จเพราะถูกทำลายพิธีเสียก่อน


ต่อมาทศกัณฐ์ไปเชิญท้าวมาลีวราชผู้มีวาจาสิทธิ์มาว่าความ ทศกัณฐ์กล่าวหาพระรามเพื่อให้ท้าว มาลีวราชแช่ง แต่ท้าวมาลีวราชมิได้หลงคำของทศกัณฐ์คือไม่ฟังความข้างเดียว ให้ไปเชิญพระราม นางสีดา เหล่าเทวดามาให้ปากคำ แล้วทรงชี้ขาดโดยคำพยานคนกลางคือนางสีดา และให้ทศกัณฐ์ส่งสีดาคืน ทศกัณฐ์ไม่ยอมจึงถูกท้าวมาลีวราชแช่ง ในที่สุดเมื่อทศกัณฐ์ออกทำสงคราม หนุมานรับอาสาไปหลอกเอากล่องดวงใจมาได้ ครั้นพระรามแผลงศรต้องทศกัณฐ์ หนุมานจึงขยี้ดวงใจทศกัณฐ์จนทศกัณฐ์สิ้นชีวิต


เมื่อได้นางสีดากลับคืนมาแล้ว พระรามให้นางสีดาลุยไฟเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ให้พิเภกครองลงกา แล้วพระราม พระลักษมณ์และนางสีดาเดินทางกลับอโยธยา ขณะเดินทางกลับ อัศกรรณสหายของทศกัณฐ์และบรรลัยกัลป์
ลูกของทศกัณฐ์ที่พญานาคเอาไปเลี้ยงไว้ ยกทัพมาสู้กันกับพระรามเพื่อแก้แค้นแทนทศกัณฐ์ แต่ถูกฆ่าตายหมด แล้วพระรามให้หนุมานครองเมืองอโยธยาเพื่อบำเหน็จความชอบ แต่หนุมานทำตามรับสั่งหนึ่งวัน ก็ถวายเมืองคืน เพราะเห็นว่าตนไม่สมควร พระรามจึงสร้างเมืองลพบุรีให้ครอง


เนื้อเรื่องตอนที่ 3 
เป็นเรื่องราวของพระรามหลังจากกลับสู่อโยธยาแล้ว มีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลายตอนคือ ท้าว
มหาบาลเทพาสูรผู้ครองเมืองจักรวาลยกทัพมาแก้แค้นทศกัณฐ์ แต่ถูกพิเภกฆ่าตาย แล้วกล่าวถึงศึกท้าวจักรวรรดิแห่งมลิวัน ไพนาสุริวงศ์ ซึ่งเป็นลูกของนางมณโฑกับทศกัณฐ์ทราบว่าพิเภกไม่ใช่พ่อที่แท้จริง จึงได้ชักชวนท้าวจักรวรรดิจับพิเภกกับนางมณโฑใส่ตรุไว้ พระรามจึงให้พระพรตและพระสัตรุดมาช่วย ได้สังหารไพนาสุริวงศ์ และยกทัพไปตีเมืองมลิวันได้สำเร็จ


ต่อมากล่าวถึงนางอดูลปีศาจมาลวงให้นางสีดาเขียนรูปทศกัณฐ์แล้วเข้าสิงรูปนั้น พระรามเห็นเข้าก็กริ้วจึงให้พระลักษมณ์เอานางไปฆ่า แตะพระลักษมณ์ปล่อยนางไป และเอาหัวใจกวางมาถวายพระรามแทนหัวใจสีดา นางสีดาไปอาศัยอยู่กับพระฤาษีวัชมฤค และได้ประสูติโอรสองค์หนึ่งชื่อว่าพระมงกุฎ จึงประลอง ศรศิลป์จนดังสนั่นกึกก้องไปถึงอยุธยา พระรามอยากทราบว่าเป็นเสียงใครทำฤทธิ์ จึงปล่อยม้าอุปการ ผูกสารที่คอว่า ถ้าใครพบม้านี้ให้บูชาพระราม ถ้าขัดขืนถือว่าเป็นกบฏ กุมารทั้งสองพบม้าเข้าก็จับขี่เล่น หนุมานจึงเข้าไปจับกุม แต่แพ้สองกุมาร ในที่สุดพระรามยกกองทัพไปจับ ได้ความว่าเป็นพ่อลูกกัน จึงขอให้พานางสีดา และเชิญเข้าเมือง นางไม่ยอมกลับ พระรามจึงทำอุบายเข้าโกศให้หนุมานไปทูลว่าพระรามสิ้นพระชนม์จะถวายพระเพลิง นางสีดาร้องไห้คร่ำครวญอยู่ข้างโกศ ครั้นทราบว่าถูกหลอกจึงแทรกแผ่นดินหนีไปอาศัยอยู่กับพญานาค พิเภกจึงให้พระรามเสดาะพระเคราะห์ออกเดินดงอีกครั้งหนึ่งเป็นเวลาหนึ่งปี ขณะที่เดินดงพระรามได้ปราบยักษ์อีกหลายตนคือ ท้าวกุเวร ปักษาวายุภักษ์ และท้าวอุณาราช ต่อมาพระอิศวรทราบว่าพระรามกับนางสีดายังไม่ปรองดองกัน จึงตรัสให้ทั้งสองพระองค์ขึ้นไปบนสวรรค์ ว่ากล่าวให้ คืนดีกัน แล้วประทานอภิเษกเสียใหม่และมีความสุขสืบมา


ในตอนจบ พวกคนธรรพ์มารบกวนฤาษีแล้วตีเมืองไกยเกษ ท้าวไกยเกษต้องหนีไปซ่อนตัวในป่า
พระรามจึงให้โอรสทั้งสองไปปราบได้ราบคาบ บ้านเมืองจึงมีความผาสุกสืบมา.


สุครีพหักฉัตร

กำเนิดอโนมาตัน

                                          กำเนิดอโนมาตัน 

 พระเจ้าอโนมาตันท รงเป็นปฐมกษัตริย์  ในรามเกียรติ์ของไทยนั้น  ได้พรรณนาเกี่ยวกับการประสูติไว้ว่า

   ณ เขาจักรวาล  ได้มีหัวหน้ายักษ์ชื่อว่า “หิรันตะ”  มีฤทธิ์มาก  ได้ทำการก่อกวนและเบียดเบียนเทวดาน้อยใหญ่  จนได้รับความรำคาญ

 เหล่าเทวดาจึงได้ไปขอให้พระศิวเทพ  ผู้มีกำลังได้มากำจัดยักษ์ตนนี้  แต่พระองค์ก็ได้ตรัสว่า ในโลกนี้  พระนารายณ์เท่านั้น  ที่สามารถและมีกำลังที่จะกำจัดยักษ์ตนนี้ได้

  

ทันทีที่พระศิวเทพดำริถึงพระนารายณ์  พระนารายณ์ก็ปรากฏพระองค์ต่อหน้าพระศิวเทพ   

ทันทีที่พระศิวเทพดำริถึงพระนารายณ์  พระนารายณ์ก็ปรากฏพระองค์ต่อหน้าพระศิวเทพ   

 ณ ที่เทือกเขาจักรวาลนั้น  พระนารายณ์ได้สู้กับหิรันตยักษ์  และได้ใช้ศัตราวุธอันคมกริบสังหารหิรันตยักษ์พร้อมทั้งบริวาร

 


       เมื่อพระนารายณ์ได้ทรงสังหารหิรันตยักษ์พร้อมทั้งบริวารเสร็จแล้ว  ก็ได้เสด็จไปยังเกษียรสมุทร (ทะเลน้ำนม) อันเป็นที่ประทับของพระองค์  ขณะที่พระองค์เสด็จถึงที่ประทับอยู่นั้น  ก็ทรงเห็นเด็กทารกน้อยนอนอยู่บนดอกบัว  จึงได้นำทารกน้อยไปเข้าเฝ้าพระศิวเทพ ณ เขาไกลาส

 


         พระศิวเทพทรงทอดพระเนตรเด็กทารก  พระองค์ทรงขนานนามทารกน้อยนั้นว่า “อโนมาตัน” และได้ทรงทำนายว่าเด็กทารกนี้  จะได้เป็นปฐมกษัตริย์บนพื้นปฐพี

 


        พระศิวเทพได้บัญชาให้พระอินทร์  สร้างเมืองอโยธยาขึ้น  สำหรับเด็กทารกนี้  และระหว่างทาง  เพื่อไปสร้างเมืองนั้น  พระอินทร์ได้พบกับฤษี ๔ ตน  คือ อฉันควีฤษี  ยุคาครฤษี  ทาหฤษี และยาคฤษี   ชื่อเมืองที่พระอินทร์ไปสร้างจึงได้ตั้งตามอักษรตัวต้นที่เป็นของชื่อฤษี  ที่พระอินทร์ได้พบในระหว่างทาง


 


         เวลาได้ล่วงไป.....กษัตริย์อโนมาตัน  ได้ทรงมีพระราชโอรส  พระนาม “ทศรถ”  และท้าวทศรถนั้น ก็ทรงมีพระราชโอรสพระนาม “ราม”  อันเป็นต้นเรื่องของมหากาพย์ที่เป็นที่รู้จักกันดีในนามว่า “รามเกียรติ” (เกียรติยศของพระราม)             


 

       


 


 

 


      

หิรันต์ยักษ์


                                                 หิรันต์ยักษ์
หิรันต์ยักษ์ เป็นยักษ์ ซึ่งเป็นอสูรเทพบุตรบำเพ็ญตบะเพื่อขอพรพระผู้เป็นเจ้า จนพระอิศวรประทานพรให้มีฤทธิ์ปราบใด้ทั้งสามโลกและไม่มีผู้ใดฆ่าตาย เมื่อมีฤทธิ์และจึงบุกไปทั้งสามโลก และม้วนแผ่นดินมาเก็บไว้เมืองบาดาลสร้างความเดือดร้อนไปทั่ว จน พระนารายณ์ ทรงอวตารลงมาเป็นหมูเผือกเขี้ยวเพชร ไล่ขวิด ไล่กัด จนหิรันต์ตาย และนำแผ่นดินมาคลี่ออกตามเดิม

ลักษณะของหิรันต์[แก้]

มีหนึ่งพักตร์ สองกร กายสีขาว ทรงมงกุฎน้ำเต้า มีตะบองวิเศษเป็นอาวุธ